จิตรกรรมของ “คำพูด” อันเป็นที่จดจำ
“การพูด” คือความสามารถที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ นักวิชาการสาขาสังคมศาสตร์ต่างยอมรับกันโดยทั่วไปว่าความสามารถนี้ได้กลายมาเป็นรากฐานของ “ภาษา” ประดิษฐกรรมที่ทรงอำนาจมากที่สุดที่ส่งผลให้วิวัฒนาการทางสังคมของมนุษย์ก้าวล้ำเหนือสัตว์ชนิดอื่นๆ ที่ใช้เสียงเพียงสื่อสารถึงสภาวะทางชีววิทยา แต่มนุษย์ได้พัฒนาเสียงเหล่านั้นเป็นภาษา เสียงที่เปล่งออกมาจากปากจึงมีค่าเทียบเท่ากับกระบวนการสื่อสารความคิด เมื่อเกิดความเข้าใจระหว่างกัน ความร่วมมือจึงเกิดขึ้น ผลักดันให้เกิดกิจกรรมต่างๆ นานาอีกนับไม่ถ้วน
ตลอดห้วงเวลาในหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ มีคำพูดบางคำของคนบางคนที่ถูกจดจำผ่านกาลเวลา ไม่ว่าจะด้วยเหตุที่ “quote” หรือ “วาทะ” นั้นสื่อสารถึงสิ่งสลักสำคัญมากๆ หรือตัวผู้พูดนั้นเองที่มีบทบาทสำคัญ เสียงของพวกเขาจึง “ดัง” กว่าเสียงของคนอื่นๆ หรือในบางครั้ง แม้ว่าต้นตอของคำพูดนั้นจะไม่ได้มาจากความคิดของเขาเอง แต่มันก็อาจกลายมาเป็นตราประทับที่สะท้อนภาพลักษณ์ของบุคคลดังกล่าวให้ถูกจดจำในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งได้เช่นกัน

Solid Sound นิทรรศการล่าสุดของธวัชชัย สมคง ศิลปินกึ่งนามธรรมเชิงสัญลักษณ์ คือการหยิบเอาประเด็นเกี่ยวกับคำพูดของคนดังหลายคนมาสร้างสรรค์เป็นผลงานศิลปะ ซึ่งเขาได้นิยามว่ามันเป็นเสมือน “ภาพวาดที่มีเสียง”
ตั้งแต่คำพูดของนักการเมืองคนสำคัญ อย่าง เหมาเจ๋อตง ประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีน และ เติ้งเสี่ยวผิง เจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรค ที่สะท้อนให้เห็นหลักการปกครองซึ่งได้ถูกใช้เป็นรากฐานของนโยบายการเมืองการปกครองของจีนในปัจจุบัน หรือแม้แต่คำด่าหยาบคายของประธานาธิบดี โรดริโก ดูแตร์เต ของฟิลิปปินส์ ที่มอบให้กับประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐอเมริกา ก็แสดงให้เห็นถึงกล้าหาญ ไม่ยอมคน ซึ่งหาได้ยากจากประเทศที่ไม่ใช่มหาอำนาจ
ถัดมาในหมวดของนักสร้างสรรค์ คำพูดของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักฟิสิกส์รางวัลโนเบล และ สตีฟ จ็อบส์ นักธุรกิจและนักประดิษฐ์นวัตกรรมสุดล้ำ ที่ว่าด้วยการจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ถือเป็นวาทะที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ฟังได้เป็นอย่างดี ตอกย้ำให้เห็นผ่านความสำเร็จที่บุคคลทั้งสองได้สร้างเอาไว้ให้กับโลก


นอกจากคนดังระดับโลกแล้ว ศิลปินยังได้เลือกคำพูดของคนไทยอีกจำนวนหนึ่งมานำเสนอด้วย เริ่มตั้งแต่วรรคทองจากบทกวีของ จิตร ภูมิศักดิ์ นักวิชาการหัวก้าวหน้าผู้ได้รับการยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์ของมวลชนฝ่ายซ้าย ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ข้าราชการน้ำดีและนักบริหารผู้มีบทบาทในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างมาก และ สืบ นาคะเสถียร นักอนุรักษ์ผู้ยอมเสียสละชีวิตเพื่อเรียกร้องสิทธิของสัตว์ป่า
แม้ทั้งสามคนจะล่วงลับไปแล้ว แต่ผลงานของพวกเขาที่ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับสังคมไทยสมัยใหม่ จนได้รับการยกย่องเป็นบุคคลต้นแบบในสาขานั้นๆ ส่งผลให้คำพูดที่แสดงให้เห็นถึงอุดมการณ์ทางความคิดอันแข็งแกร่งเหล่านี้ยังได้รับการส่งต่อมาจนถึงผู้คนในยุคปัจจุบัน


ในแง่เทคนิคทางจิตรกรรม ศิลปินเลือกคำพูดของบุคคลทั้งเก้ามาถ่ายทอดผ่านภาพวาดเหมือน โดยใช้ตัวอักษรขนาดใหญ่ในภาษาต่างๆ พาดทับเอาไว้ด้านหน้า ก่อนจะวาดเส้นโค้งต่อเนื่องจำนวนมากซ้อนลงไป จนดูคล้ายกับลายนิ้วมือขนาดยักษ์ที่กดประทับ หรืออีกนัยหนึ่งก็อาจมองเป็นเหมือนคลื่นเสียงก้องสะท้อนที่ดังกังวานออกไปก็ได้
แม้ว่าดูเผินๆ จะใช้เทคนิคเดียวกันทั้งหมด แต่ศิลปินก็แฝงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ลงไป เพื่อเน้นให้เห็นบริบทความเชื่อมโยงระหว่างคำพูดและตัวผู้พูด ยกตัวอย่างเช่น ภาพของสตีฟ จ็อบส์ เป็นภาพเดียวที่มีตัวอักษรหลากสีมากที่สุด สอดคล้องกับคำพูดที่กล่าวว่า “การสร้างสรรค์ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการเชื่อมต่อสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกัน” หรือการวาดตัวอักษรจำนวนมากจนทำให้ใบหน้าของสืบ นาคะเสถียร เหมือนจะเลือนหายไปกับพื้นหลัง อีกทั้งยังดูอ่านยากกว่าภาพอื่นๆ ในนิทรรศการ เพื่อแสดงให้เห็นถึงอุดมการณ์ในการอนุรักษ์สัตว์ป่าที่ในปัจจุบันดูเหมือนจะถูกลืมเลือนไปเรื่อยๆ เหมือนตัวตนของเขา
ด้วยความที่บุคคลที่ศิลปินเลือกมาวาดภาพนั้นมีที่มาจากหลายวงการ Solid Sound จึงเป็นนิทรรศการที่นำเสนอเรื่องราวได้อย่างหลากหลายไม่น้อย สำหรับตัวผู้ชมเอง การได้มายืนต่อหน้าภาพเหมือนขนาดใหญ่ของบุคคลดังกล่าว จะนำมาสู่การขบคิดถึงความหมายของถ้อยคำเหล่านั้นร่วมไปกับเรื่องราวชีวิต ตัวตน และผลงานของแต่ละบุคคลไปพร้อมๆ กัน เปรียบเสมือนบทสนทนาซึ่งกันและกันระหว่างผู้ชมกับภาพจิตรกรรม เป็นบทสนทนา ณ ปัจจุบัน ซึ่งมีรากฐานอยู่บนคำพูดที่เคยโด่งดังจากอดีตนั่นเอง
Solid Sound โดย ธวัชชัย สมคง
จัดแสดงตั้งแต่วันนี้จนถึง 9 มกราคม 2565
ณ Blacklist Gallery, MATDOT Art Center