Cloud State Physical Theatre Projects curated by B- Floor Theatre

Project A: Paranoid – Schizoid

by DUJDAO VADHANAPAKORN, B-Floor Theatre

หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

2 – 4 ธันวาคม และ 7 – 11 ธันวาคม 2565

The Boss เสียงกระซิบที่เราได้ยิน นายหญิงแห่งสนามเด็กเล่น
Photo : Chatchada Piphatnangkool

Project A ตีความหมายของ Cloud State คือภาวะที่คลุมเครือ โดยใช้สภาวะทางจิตเป็นแกนหลักของเรื่อง Paranoid – Schizoid Position จิตวิทยาทารก หมายถึงการรับรู้ของทารกวัยแรกเกิดที่สิ่งต่างๆ รอบตัวที่ผ่านการรับรู้มีเพียงสิ่งที่ดีและสิ่งที่ไม่ดี มีแค่ขาวและดำ สิ่งที่ตนชอบก็คือสิ่งที่ดี สิ่งที่ตนไม่ชอบก็คือสิ่งที่เลว ภาวะตามวัยที่ยังไม่สามารถเข้าใจได้ว่ามนุษย์ทุกคนมีทั้งดีและเลว สิ่งนี้สามารถทับซ้อนอยู่ในเรื่องเดียวกันได้ เพียงแต่การแสดงว่าเรื่องไหนดีหรือเลวนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์แวดล้อม การแสดงชวนให้เราย้อนกลับไปสำรวจถึงการเติบโตที่เรา ณ ขณะนี้รู้แน่แล้วว่าสิ่งดีเลวนั้นสามารถปะปนกันได้ แต่บางครั้งเรายังกลับทำตัวเหมือนทารกแรกเกิดที่ยังไม่เข้าใจความเป็นไปของโลก

เมื่อก้าวเข้าสู่พื้นที่แสดง สระแป้งฝุ่นขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง สนามเด็กเล่นยักษ์ของเด็กทารก ที่มี The Satan[1] นอนฝังตัวอยู่ The Boss[2] และ The Leader[3] กำลังวางแผนกระทำการบางอย่างอยู่รอบๆ และ The Goddess[4] หลบอยู่ที่ไหนสักแห่ง ก่อนการแสดงจะเริ่มต้น (หรืออาจจะเริ่มไปแล้วแต่ผู้ชมไม่รู้ตัว) The Boss และ The Leader เดินพูดคุยรอบสนามเด็กเล่นอย่างสนุกสนาม เมื่อไฟปิดลง โหมด Paranoid – Schizoid เปิดออก เผยให้เห็นท่าทางที่ต่างออกไปของทั้งสองนักแสดง การเข้าควบคุมโดยสมบูรณ์ของ The Boss ต่อ The Leader เปลี่ยนบรรยากาศภายในห้องพร้อมตั้งคำถามต่อคนดูว่า พวกเขาจะสื่อสารเรื่องราวออกมาในทิศทางไหน


[1] จารุนันท์ พันธชาติ [2] ดุจดาว วัฒนปกรณ์ [3] ธีระวัฒน์ มุลวิไล [4] อรอนงค์ ไทยศรีวงศ์

The Leader ตัวแทนมนุษย์ ทารกเด็กน้อยที่กำลังเรียนรู้การต้องเลือก
Photo : Chatchada Piphatnangkool

The Leader ตัวแทนของมนุษย์ทารก ที่กำลังตัดสินสิ่งที่เข้ามากระทบว่าสิ่งไหนดีสิ่งไหนเลว สิ่งกระทบที่มาจากเสียงกระซิบจาก The Boss ที่คอยตั้งคำถามและชักจูงให้เกิดการตัดสินใจ การชี้ถูกชี้ผิดอยู่ในสายตาของผู้ชมทุกขณะ แม้ว่าเราจะไม่ได้ยินว่าเสียงกระซิบที่ส่งมาคืออะไร แต่เราสามารถรับรู้ได้ผ่านการกระทำพร้อมทั้งยังสามารถเลือกสิ่งถูกผิดไว้ในใจของเราได้เองอีกด้วย หลายครั้งที่การเลือกของ The Leader ไม่ตรงกับสิ่งที่เราเลือก เมื่อตรงกันข้าม เราเกิดความคิดว่า ทำไม? แต่เมื่อเลือกตรงกันกับใจเรา เรากลับไม่ได้เกิดข้อสงสัยว่า ทำไม? หากเป็นเช่นนั้นแล้วสิ่งที่เราเลือกว่าดีนั้นดีจริงหรือ? สิ่งที่ไม่ดีอาจจะดีก็เป็นได้

ความสงสัยอยู่กับเราไม่นาน ตัวละคร The Goddess ก็ปรากฏตัวขึ้น The Goddess ที่เปิดตัวด้วยการที่ถูก The Leader แบกออกมา ความสูงส่งคือสิ่งแรกที่เรานึกถึงตัวละครนี้ ไม่ว่าจะไปที่ไหนเท้าไม่อาจแตะลงมาบนพื้น ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่มีใครแสดงท่าทีไม่พอใจ The Goddess ออกมาพร้อมกับตะกร้าลูกบอลสีดำขนาดเล็กบนศีรษะ สิ่งที่ติดมาด้วยกำลังจะถูกส่งต่อให้ผู้ชม เส้นทางการส่งลูกบอลดำถูกบังคับด้วยการเคลื่อนไหวของ The Leader ที่เป็นผู้กำหนดว่าใครเป็นผู้ได้รับสิ่งเหล่านี้ (ทว่าก็ยังถูกบงการจากเสียงกระซิบของ The Boss อยู่อีกที)

The Goddess พร้อมลูกบอลดำแห่งความปรารถนา
Photo : Tanyathorn Khunapinya

หลักจากเคลื่อนไหวกันมาสักพัก The Leader และ The Boss ก็เริ่มมีความเห็นไม่ตรงกัน การแข่งขันเพื่อหาผู้ชนะเริ่มต้นขึ้นโดยใช้สนามเด็กเล่นเป็นสนามประลอง The Goddess ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือที่ใช้ตัดสินทว่าผลการแข่งขันกลับออกมาว่าเสมอ เมื่อไม่สามารถตัดสินได้ด้วย The Goddess ตัวละครอีกหนึ่งตัวจึงถูกปลุกขึ้นมา เป็นผู้เล่นคนใหม่ในสนามแห่งนี้

The Satan ถูกปลุกขึ้นมาทำหน้าที่หาคำตอบแทน The Goddess เมื่อเลือกสิ่งที่ดีแล้วไม่ได้คำตอบที่ต้องการ ก็ต้องกลับมาลองอีกเส้นทางที่แตกต่าง ภัยพิบัติระดับเจ้านรกถูกปลุกขึ้นมาพร้อมกับความคิดว่าสิ่งที่ไม่สามารถตอบรับความต้องการของเราได้นั้นคือสิ่งที่เลวร้าย The Leader ถูกบังคับให้อธิบายสิ่งที่ตัวเองเลือกอีกครั้ง ความชั่วร้ายที่ปรากฏกำลังทำอะไรอยู่ ความชั่วร้ายที่เราเลือกนั้นหากมองหาข้อดีของมันจะออกมาได้ในรูปแบบไหนบ้าง The Boss พยายามที่จะมองหาความดีในความเลวที่ถูกตัดสินไปแล้ว พยายามชี้ทางให้มนุษย์มองหาความเป็นไปได้อื่นๆ นอกเหนือการรับรู้แรกของเรา ก่อนที่เส้นแบ่งความดีและความชั่วจะพังลง นักแสดงสื่อสารให้เราเห็นว่าทั้งสองสิ่งนี้อาจเป็นสิ่งเดียวกัน

The Goddess และ The Satan ถูกปลุกขึ้นมาพร้อมกัน พร้อมกับการเคลื่อนไหวในท่วงท่าที่สอดประสานเป็นเสมือนเงาของกันและกัน เมื่อจากสองกลายเป็นหนึ่ง เจ้าของร่างกายอย่าง The Leader และจิตภายในที่คอยบงการอย่าง The Boss จะจัดการเช่นไร ความเข้าใจของสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นจะออกมาในรูปแบบไหน ในเมื่อดีและเลวแทบแยกกันไม่ออก ความน่าจะเป็นในการแสดงออกย่อมเพิ่มขึ้นตามไป การแสดงออกที่ดีด้วยความคิดที่ดี การแสดงออกที่ดีด้วยความคิดภายในที่เลว การแสดงออกที่เลวแต่ข้างในเต็มไปด้วยความหวังดี การแสดงออกที่เลวโดยเต็มไปด้วยความคิดภายในที่ชั่วร้าย เมื่อความน่าจะเป็นในผลลัพธ์มีมากขึ้น ทางเลือกในการตัดสินใจย่อมมีมากตามกันไป การสอดประสานแปรเปลี่ยนเป็นความขัดแย้ง การต่อสู้เริ่มเกิดขึ้นภายในสนามเด็กเล่นแห่งนั้น แต่ถึงแม้ว่าทั้งสิ่งจะสู้กับรุนแรงขนาดไหน แต่หาก The Boss สั่งให้ The Leader บรรยายออกมาให้ผู้ชมได้ฟังในทางตรงข้าม เขาก็จำยอมต้องกระทำ ภาวะจำยอมที่ขัดแย้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแต่ในตัวยักแสดงเท่านั้น แต่ผู้ชมก็เกิดความรู้สึกอึดอัดระหว่างที่ได้เห็นกับสิ่งที่ได้ยิน ความย้อนแย้งที่ไม่อาจย้อมรับเกิดเป็นคำถามต่อไปให้เราได้ขบคิด

เมื่อความย้อนแย้งที่เราเห็นในสนามเด็กเล่น กับสิ่งที่เราได้ยินจากมนุษย์ที่กำลังเปล่งเสียงออกมา ภาพที่เราเห็นตรงหน้า การเคลื่อนไหวที่ตรึงเรามากกว่าเสียงที่ส่งผ่านโสตประสาททำให้ผู้ที่ควบคุมกลายเป็นถูกควบคุมโดยไม่รู้ตัว The Leader และ The Boss ที่ในตอนแรกเป็นผู้กำหนดและนิยามที่สิ่งที่ The Goddess และ The Satan กระทำ ในตอนนี้เริ่มขยับร่างกาย เคลื่อนไหวตามท่วงท่าที่เกิดขึ้นภายในสนามเด็กเล่น จากผู้นำกลายเป็นผู้ตาม จนกระทั่งกลายเป็นผู้ถูกวิพากษ์เสียเอง เมื่อร่างกายเริ่มทำหน้าที่เคลื่อนไหว จิตภายใจเริ่มสังเกตการณ์และชักนำล่อหลอกด้วยคำพูด เมื่อมาถึงตอนนี้ทั้งนักแสดงและผู้ชมต่างไม่รู้แล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้านั้นถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่ถูกแล้วต้องเป็นอย่างไร เราจะใช้อะไรในการตัดสินถูกผิดในเมื่อจิตใจเต็มไปด้วยความสับสน

The Goddess / The Satan เมื่อตื่นขึ้นมาพร้อมกัน จะอยู่ร่วมกันยังไง
Photo : Chatchada Piphatnangkool

ในตอนท้ายของการแสดง The Boss กลับมามีอำนาจควบคุมเบ็ดเสร็จอีกครั้ง แม้ว่าร่างกายและจิตใจของมนุษย์จะกลายเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้แล้วว่าจะแสดงออกมาในรูปแบบไหน ทว่าเมื่อ The Boss ออกคำสั่งผ่านน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความนุ่มนวล ทั้งสามสิ่งก็พร้อมจะแสดงออกให้ตามที่ The Boss ต้องการ แม้จะมีความขัดแย้ง สับสน หรือแม้แต่ความไม่พอใจ แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธในคำสั่งนั้นได้

การผสานกันของดีและเลว เปิดพื้นที่ความน่าจะเป็นใหม่ๆ ให้แก่การตัดสินใจและการแสดงออกของมนุษย์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เมื่อเราพ้นภาวะทารกที่ไม่อาจแยกแยะได้แล้ว ประสบการณ์ในการดำเนินชีวิตจะเป็นสิ่งที่สอนให้เราใช้ชีวิตด้วยรูปแบบอื่นๆ ทว่าในบางครั้งการตัดสินใจเฉกเช่นทารกยังคงย้อนกลับมาท้าทายความรู้และจิตสำนึกของมนุษย์อยู่เสมอ แม้เราจะไม่อยากยอมรับทว่า ผลลัพธ์ที่แสดงออกมาก็คือคำตอบที่ชัดเจน

การสอดประสานของทั้งสาม ก่อนจะเกิดคำถามที่ว่า ท้ายที่สุดแล้วใครกันที่ถูกควบคุม
Photo : Chatchada Piphatnangkool

การแสดงในครั้งนี้ การคาดเดาคำตอบไม่ได้คือสิ่งที่เป็นอีกแกนหนึ่งของเรื่อง การไม่อาจคาดเดาการกระทำของมนุษย์ได้นั้นคือภาพสะท้อนสังคมในปัจจุบัน เราไม่อาจเชื่อคำพูดหรือท่าทางที่แสดงออกมาได้อย่าง 100% ว่าสิ่งนั้นคือความจริงแท้ที่อีกฝ่ายต้องการสื่อสาร เจตนาแฝงและความหมายแฝงมากมายปรากฏอยู่ในเกือบทุกอิริยาบถ สุดท้ายแล้วมนุษย์ดำรงอยู่ด้วยอะไรกันแน่ การเติบโตขึ้นทุกวันนี้ดีแล้วจริงหรือ? หรือความบริสุทธิ์ในวัยเด็กครั้งที่ยังเป็นทารกจะคือความจริงแท้แน่นอนกว่า ความซับซ้อนของเรื่องราวในสังคมบางครั้งก็เป็นเรื่องดีที่ทำให้เรามองเห็นแง่มุมที่แตกต่าง ทว่าความแตกต่างที่ดำเนินไปบนหนทางของความแตกแยกนั้น จะจบลงที่ตรงไหน? ความคลุมเครือที่เกิดขึ้นในสังคมจะมีวันที่กระจ่างชัดเจนหรือไม่? คงเป็นคำถามที่ถูกทิ้งให้เราร่วมกันหาคำตอบกันต่อไป

ความคลุมเครือที่เกิดขึ้น พื้นที่ที่ทั้งสามสิ่งปรากฏชัดเจน กลับไม่มีคำตอบที่ชัดเจนปรากฏ
Photo : Tanyathorn Khunapinya